จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดีชั่วอยู่ที่ตัวกับใจ


เที่ยวนาปู “ชะโงกดูใจ” ที่แพรกหนามแดง

          เป็นความบังเอิญผนวกกับความโชคดีของผมที่ครอบครัวของคุณวิเลิศ กิจเจริญ เจ้าของกิจการ “กิจเจริญฟาร์ม” ที่เพิ่งขยายธุรกิจไปลงทุนเลี้ยงปูทะเล ร่วมกับครอบครัวของคุณสมชวน คำวงษ์ เจ้าของนาปูและกุ้งกว่า 500 ไร่ในย่านติดกับเขต ตำบลยี่สาร และอบต.แพรกหนามแดง  อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ออกปากชวนให้ไปเที่ยวชมนาปูดูนากุ้ง ศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ทำประมงแบบธรรมชาติ และแบบพัฒนา ซึ่งที่นี่มีให้ดูทั้งสองอย่าง

        คุณสมชวน เล่าว่าคุณแม่ของท่านเป็นคนพื้นนี้ แต่ตัวคุณสมชวนเองไปเกิดที่บ้านบางตาล อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อโตเข้าสู่วัยรุ่นจึงยึดอาชีพประมงเป็นหลักในการสร้างครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า 40 ปี โดยมี คุณปรียา คำวงษ์ และลูกๆเป็นทั้งกำลังใจและกำลังสนับสนุนในการทำนาปูนากุ้ง

        ผมรู้สึกชอบที่ครอบครัวคุณสมชวน และคุณวิเลิศ เลือกที่จะทำนาปูและกุ้งแบบธรรมชาติ อาศัยวิถีธรรมชาติ เรียนรู้ธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลงน้ำเกิดน้ำตาย ที่ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดวงจันทร์ ปล่อยน้ำเข้าและออกจากนา เพื่อหล่อเลี้ยงและดักจับปูกุ้งที่เจริญเติบโตเต็มที่ส่งไปจำหน่ายให้พ่อค้าแม่ขายและผู้บริโภค เป็นวัฏจักรวนเวียนอยู่อย่างนี้

        โดยไม่เคยทำให้ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเสียหายไปแม้แต่น้อย

        ในทางกลับกันกลับทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้น เพราะพันธุ์ปูและกุ้งนั้น คุณสมชวนเล่าว่าจำเป็นต้องซื้อปูขนาด 15-30 ตัว(กิ)โล ที่มาจากจังหวัดชุมพร ระนอง เพื่อเพิ่มปริมาณให้พอขายแล้วสามารถยังชีพเลี้ยงครอบครัวอยู่ได้ มีเหลือมีเก็บบ้าง พอได้ทำบุญทำทาน และสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงได้

        อันนี้ฟังดูแล้วเข้าทำนองพออยู่พอกิน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นะครับ

       ซึ่งผมฟังแล้ว ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเท่าที่ได้รู้จักมักคุ้นกันมา 3-4 ปี ผมเห็นครอบครัวคุณสมชวน ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน ความรักและความโอบอ้อมอารี เป็นกัลยาณมิตร ดูแลช่วยเหลือแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะงานของพระศาสนจักร และการไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ รวมถึงการนำอาหารไปร่วมจัดเลี้ยงในงานฉลองวัดคาทอลิกในเขตจังหวัดต่างๆทั้งใกล้และไกลก็ทำอย่างสม่ำเสมอ

        แต่ที่ผมเห็นแล้วรู้สึกดีมากๆก็คือ ความสัมพันธ์ที่ดีและการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ระหว่างครอบครัวพี่น้องมุสลิม กับครอบครัวคุณสมชวน และพี่น้องชาวพุทธที่อาศัยทำมาหากินอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกัน

          การสละความเห็นแก่ตัวออกไป ทำให้ทุกคนทุกศาสนาสามารถแสดงความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน ได้อย่างจริงใจ หากจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างในบางเวลา

         ชุมชนและสังคมที่เอื้ออาทรกันอย่างนี้ไม่ใช่หรือครับที่สังคมโลก และสังคมไทยกำลังแสวงหา โดยเฉพาะสังคมการเมือง ที่มักเชือดเฉือนและมุ่งทำร้ายทำลายกันด้วยความเกลียดชัง

       เป็นสังคมที่มุ่งสั่งสมความโลภ โกรธ หลง ความอยากมีอยากเป็นอยากเด่นอยากดัง อยากได้มากกว่าอยากให้ จนเป็นสังคมที่ไร้สุข แต่กลับอุดมด้วยทุกข์และปัญหาสารพัดติดตามมา

        ไม่แตกต่างไปจากการทำนาปูนากุ้ง แบบที่มุ่งแต่กำไร แต่ทำลายทุกอย่างทั้งน้ำดิน พืช สัตว์ ระบบนิเวศ ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งในที่สุดความเลวร้ายเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาทำลายชีวิตและความสุขของมนุษย์เอง

       ไม่แตกต่างไปจากระบอบประชาธิปไตย ที่ยึดตัวบุคคลมากกว่าหลักคุณธรรม ยึดความถูกใจมากกว่าความถูกต้อง ใช้เสียงข้างมากทำลายความชอบธรรมของเสียงข้างน้อย นิยมการใช้อำนาจข่มขู่ มากกว่าการให้ความรัก ความมุ่งปรารถนาดีต่อกัน

        ในที่สุดก็แพ้ภัยตนเอง พากันล่มจมไปทั้งชาติ ถ้ายังจมอยู่ในความเห็นแก่ตัว

        จะดีจะชั่วความจริงอยู่ที่ตัวเราใจเราทุกคนนี่แหละครับ
        ไม่เชื่อลองสำรวจดูสิครับ      
         

1 ความคิดเห็น:

  1. ดีมากเลย เห็นด้วย คนดีเราควรเผยแพร่ เพื่อจะได้เป็นตัวอย่างสำหรับบุึคคลที่สนใจ พระสร้างธรรมชาติให้กับมนุษย์เพื่อจะได้เกื้อกูลกัน ทุกวันนี้เราไช้ธรรมชาติที่เราได้มาฟรีๆนั้นอย่างไร

    ตอบลบ