จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สำหรับพระเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปได้


รูปแม่พระปฏิสนธินิรมล


อัศจรรย์แม่พระ....
                   ไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์
            ในโลกปัจจุบัน ทุกอย่างเป็นจริงได้เพราะวิทยาศาสตร์ ดาวศุกร์เพิ่งจะโคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ไป เราก็สามารถคำนวณได้ ทั้งระยะเวลาและวงโคจรว่าจะกลับมาปรากฏให้เห็นอีกใน 100 ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์โลก เคยกล่าวไว้ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพิสูจน์มาโดยตลอดและเป็นความจริงที่ว่า มีการค้นพบปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอีกมากมายที่เกินกว่าสติปัญญาของมนุษย์จะหยั่งถึง

เรื่องราวความฝันที่เป็นจริงอย่างเหลือเชื่อของ นางสุวรรณ  ห้วยหงษ์ทอง พนักงานทำความสะอาดโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ปัจจุบัน อายุ 43 ปี นับถือศาสนาพุทธ พักอาศัยอยู่ บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 10 ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม  อาจเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้

 ความฝันครั้งแรกของคุณสุวรรณเกิดขึ้น ช่วงปลายเดือนเมษายน ประมาณวันที่ 21 เม.ย. คุณสุวรรณเล่าว่า ในเวลาช่วงพักงานตอนกลางวันหลังรับประทานอาหารเธอพักนอนงีบอยู่ที่ศาลาเรือนไทย บริเวณหน้าอาคารริชาร์ด โรงเรียนบอสโกพิทักษ์ ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ พลันได้ยินเสียงผู้หญิงที่ก้องกังวาน น้ำเสียงนุ่มนวล ไพเราะ บอกคุณสุวรรณว่า “เธอฉันอยู่นี่มานานแล้วนะ...อยู่นานแล้ว”
คุณสุวรรณจึงถามว่า “แล้วเธอเป็นใครอยู่ที่ไหนล่ะ...เธอบอกฉันทำไม”
เสียงผู้หญิงในฝันบอกว่า “ฉันอยากออกไป”
คุณสุวรรณถามว่า “ทำไมไม่ไปบอกพี่น้องเธอล่ะ...ให้เขามาพาออกไป”
ผู้หญิงในฝันยังไม่ทันตอบว่ากระไร  คุณสุวรรณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากความฝันเสียก่อน และก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าของเสียงอีกด้วย

อีกสองสัปดาห์ต่อมา ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ราวๆวันที่ 5 พฤษภาคม คุณสุวรรณก็ฝันคล้ายกันในลักษณะเดิมอีก ในฝันได้ยินเสียงสุภาพตรีที่ก้องกังวาน น้ำเสียงนุ่มนวล ไพเราะ แต่ไม่ปรากฎให้เห็นหน้าตาเช่นเดิม กล่าวกับคุณสุวรรณว่า “ฉันอยู่ที่นี่จริงๆนะ...เธอพาฉันออกไปทีสิ”
คุณสุวรรณจึงตอบว่า “เธอบอกมาสิว่าเธออยู่ที่ไหน”
เสียงผู้หญิงในฝันตอบกลับมาว่า “เราเห็นเธอทุกวันเลยนะ”
 “เธอเห็นฉันทุกวันแล้วทำไมเธอไม่เรียกฉันล่ะ” คุณสุวรรณถาม
เสียงในฝันตอบว่า “เธอไม่ได้ยินฉันเอง”
คุณสุวรรณจึงย้ำว่า “ถ้าเธอไม่บอกว่าเธออยู่ที่ไหน...ฉันก็ไม่รู้นะ...ทำไมเธอไม่บอกละว่าเธออยู่ที่ไหน”
ยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบอะไร คุณสุวรรณก็รู้สึกว่า เหมือนใครเอามือมาดึงขา จึงสะดุ้งตื่นและคิดว่า คงมีเพื่อนคนงานด้วยกันมาแกล้ง แต่มองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีใคร คุณสุวรรณเล่าด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า ชักรู้สึกกลัวๆขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกัน ที่ในฝันได้สนทนากับผู้หญิงคนนี้ถึงสองครั้งโดยไม่เห็นหน้าและไม่รู้ว่าเป็นใคร

ขณะที่คุณสุวรรณเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมในช่วงเวลาพักงานตอนกลางวัน คุณสุวรรณเลี่ยงไปนอนพักผ่อนที่หน้าห้องเรือนพยาบาล อาคารชีวกโกมารภัจจ์ ในความฝันครั้งนี้ คุณสุวรรณได้ยินเสียงผู้หญิงเหมือนกับความฝันสองครั้งที่ผ่านมาอีกครั้ง เสียงนั้นบอกคล้ายกับขอร้องว่า “จริงๆนะ เธอผ่านฉันทุกวันเลย เธอเปิดดูฉันสิ” คุณสุวรรณกำลังคิดจะถามตอบกลับไปก็เผอิญสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงรถจักรยานยนต์ที่คุณสำอาง ศรีสรรพางค์ เพื่อนคนงานขี่ผ่านมา

คุณสุวรรณนั่งทบทวนความฝันด้วยของตนเองด้วยความรู้สึกสับสนว่า ใครกันแน่นะ ที่มาปรากฏในความฝันของเธอถึงสามครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  ส่วนอีกใจหนึ่งก็คิดไปว่าตนเองอาจจะดูหนังดูข่าวดูละครมากไปจึงเก็บเอามานอนฝัน

เมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงบ่าย คุณสุวรรณขึ้นไปทำความสะอาดที่บริเวณหน้าห้องฟิสิกส์ ชั้น 5  อาคารริชาร์ดตามปกติ ขณะที่กวาดพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินกลับ เพื่อไปทำความสะอาดในบริเวณอื่นต่อ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นไขควงอันหนึ่งตกอยู่ที่ใต้ชั้นวางรองเท้าของนักเรียนที่ตั้งวางไว้อยู่บริเวณหน้าห้องโดยบังเอิญ คุณสุวรรณก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าคาดกันเปื้อน พลางคิดในใจว่า ใครเอามาทิ้งไว้นะ ในช่วงเวลานั้น คุณสุวรรณกำลังเดินผ่านห้องเก็บบริเวณหน้ามุขของอาคาร ก็เกิดแรงดลใจให้ใช้ไขควงไขประตูโดยแทบไม่รู้สึกตัวว่าคิดอะไรอยู่....

ความรู้สึกตัวกลับมาอีกทีก็ตอนที่เปิดประตูห้องไปแล้วเห็นเป็นใบหน้าของสุภาพสตรีตะแคงหน้ามองมายังเธอ......ปัง!......คุณสุวรรณดึงประตูปิดทันที ภาพความฝันเสียงผู้หญิงซ้ำๆที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอผุดขึ้นมาในความคิดทันที
คุณสุวรรณ ห้วยหงษ์ทอง

ตลอดวันนั้นและอีกสองวันต่อมา คุณสุวรรณเล่าว่า เธอไม่มีความสุขในการทำงานเลย รู้สึกร้อนรุ่มกลุ้มใจอย่างไรก็บอกไม่ถูก จะเอ่ยปากบอกใครก็ไม่กล้าเพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรที่จะต้องไปเปิดประตูห้องเก็บของดู และใครเล่าจะเชื่อในสิ่งที่เธอฝัน แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจสอบถาม  นายกิตติภรณ์ (แม็ก) โสทน หัวหน้าคนงานของโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ว่า       “น้าแม็กๆ วิญญาณ “แม่พระ”นี่มีจริงหรือไม่?” นายกิตติภรณ์จ้องมองหน้าเธอและตอบว่า “มีจริงสิ ถามทำไมหรอ?” เท่านั้นแหละ เรื่องราวและความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจอยู่หลายวันก็พรั่งพรูออกมาจนหมด ชนิดที่เล่าไปขนลุกไป

นายกิตติภรณ์นำเรื่องดังกล่าวของคุณสุวรรณไปเล่าให้ซิสเตอร์ ดร.อรชร กิจทวี ผู้อำนวยการโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ฟังด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน จากนั้นจึงพากันไปที่ห้องเก็บของชั้น 5 ดังกล่าว แล้วให้เปิดประตูพิสูจน์ดู....ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของทุกคนในเวลานั้นก็คือรูปปั้นไฟเบอร์กลาสที่ชาวคาทอลิกคุ้นเคยดีและเรียกว่า “รูปแม่พระปฏิสนธินิรมล”ถูกเศษวัสดุสิ่งของวางทับไว้เห็นแต่ใบหน้าที่ด้านหนึ่งพิงติดกับผนังห้องจนปรากฏเป็นรอยถลอกที่บริเวณหางคิ้วซ้าย ตะแคงหน้ามองมายังทุกคน

ซิสเตอร์อรชร กิจทวี จึงให้คนงานช่วยกันนำสิ่งของที่วางทับอยู่ออกและอัญเชิญรูปแม่พระปฏิสนธินิรมล มาตั้งไว้ที่ในห้องทำงานของท่าน แล้วการไล่เรียงประวัติความเป็นมาของรูปแม่พระองค์นี้ก็เริ่มต้นขึ้น

จากคำบอกเล่าของครู บุคลากรในโรงเรียนหลายท่านพูดตรงกันว่า รูปแม่พระองค์นี้เดิมเคยประดิษฐานไว้ในห้องประชุมครูชั้น 5 ของอาคารริชาร์ด ใกล้กับห้องเก็บของที่พบรูปนั่นเอง แต่กลับไม่มีใครแน่ใจว่ารูปแม่พระองค์นี้ถูกใครเก็บเข้าไปทิ้งไว้ในห้องเก็บของตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็อาจประมาณเวลาได้คร่าวๆว่า น่าจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีขึ้นไป เพราะหลังจากที่มีการสร้างห้องประชุม 60 ปี ที่ชั้นล่างของอาคารริชาร์ด  เพื่อใช้ประชุมครูแล้ว ก็ไม่มีใครคิดถึงรูปแม่พระองค์นี้อีกเลย


จนกระทั่งแม่พระต้องออกมาเรียกคุณสุวรรณ ให้ไปช่วยนำท่านออกมาจากห้องที่อับทึบและถูกทับถมด้วยเศษสิ่งของต่างๆ

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงแล้วอย่างเหลือเชื่อ นายมงคล ทัฬหะกุลธร นายกสมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ โทรศัพท์มาพูดคุยเรื่องนี้กับผม ในเช้าของวันที่ 4 มิถุนายน สิ่งที่คุณมงคลบอกกับผมก็คือว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะเล่ากันสนุกๆหรือเสริมแต่งกันขึ้นมาตามใจตนเอง แต่เท่าที่คุณมงคลได้ลองตรวจสอบและพูดคุยกับคุณสุวรรณด้วยตนเอง พร้อมกับสัตบุรุษวัดพระตรีเอกภาพ หนองหิน อีกหลายท่านที่มาร่วมในงานฉลองวัดและสมโภชพระตรีเอกภาพ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนแล้วก็น่าเชื่อได้ว่า “แม่พระปฏิสนธินิรมล”ได้เลือกที่จะสื่อสารและเรียกให้คุณสุวรรณช่วยเหลือท่านเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณครูสายหยุดและคุณครูวุฒิศักดิ์ ศิริวรศิลป์ ผู้อาวุโสของวัดก็พูดในทำนองเดียวกันนี้

ส่วนในมุมมองของผมสำหรับเรื่อง “อัศจรรย์ของแม่พระ”นั้น ผมไม่ได้แค่เชื่อเพียงอย่างเดียวแต่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ที่ ม.2 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ก็ใช้ชื่อว่า “บ้านแม่พระอุปถัมภ์”ด้วย ส่วนเรื่องราวที่มาของชื่อบ้านและปรากฏการณ์ที่ผมได้สัมผัสด้วยตนเองนั้นจะยังไม่ขอเล่าในตอนนี้

แต่อยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านลองไต่ตรองดูทีว่า ถ้า “แม่” ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตและมีพระคุณต่อลูกประเสริฐยิ่งกว่าใครในโลกนี้ เมื่อยามแก่ชรา หรือเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างทุกข์ทรมานและเดียวดาย  ด้วยความละเลยไม่เอาใจใส่ดูแลของลูกหลานและสังคมแล้ว...อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยและสังคมโลกนับต่อจากนี้ไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น