ไม่เชื่อ
ต้องพิสูจน์
ในโลกปัจจุบัน
ทุกอย่างเป็นจริงได้เพราะวิทยาศาสตร์ ดาวศุกร์เพิ่งจะโคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ไป
เราก็สามารถคำนวณได้ ทั้งระยะเวลาและวงโคจรว่าจะกลับมาปรากฏให้เห็นอีกใน 100 ปีข้างหน้า
แต่สิ่งที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์โลก เคยกล่าวไว้ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”
ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพิสูจน์มาโดยตลอดและเป็นความจริงที่ว่า
มีการค้นพบปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอีกมากมายที่เกินกว่าสติปัญญาของมนุษย์จะหยั่งถึง
เรื่องราวความฝันที่เป็นจริงอย่างเหลือเชื่อของ นางสุวรรณ ห้วยหงษ์ทอง พนักงานทำความสะอาดโรงเรียนบอสโกพิทักษ์
ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ปัจจุบัน อายุ 43 ปี นับถือศาสนาพุทธ พักอาศัยอยู่
บ้านเลขที่ 74/1
หมู่ 10 ต.หนองปากโลง
อ.เมือง จ.นครปฐม อาจเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ความฝันครั้งแรกของคุณสุวรรณเกิดขึ้น ช่วงปลายเดือนเมษายน
ประมาณวันที่ 21 เม.ย. คุณสุวรรณเล่าว่า
ในเวลาช่วงพักงานตอนกลางวันหลังรับประทานอาหารเธอพักนอนงีบอยู่ที่ศาลาเรือนไทย
บริเวณหน้าอาคารริชาร์ด โรงเรียนบอสโกพิทักษ์ ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ พลันได้ยินเสียงผู้หญิงที่ก้องกังวาน
น้ำเสียงนุ่มนวล ไพเราะ บอกคุณสุวรรณว่า “เธอฉันอยู่นี่มานานแล้วนะ...อยู่นานแล้ว”
คุณสุวรรณจึงถามว่า “แล้วเธอเป็นใครอยู่ที่ไหนล่ะ...เธอบอกฉันทำไม”
คุณสุวรรณจึงถามว่า “แล้วเธอเป็นใครอยู่ที่ไหนล่ะ...เธอบอกฉันทำไม”
เสียงผู้หญิงในฝันบอกว่า “ฉันอยากออกไป”
คุณสุวรรณถามว่า “ทำไมไม่ไปบอกพี่น้องเธอล่ะ...ให้เขามาพาออกไป”
ผู้หญิงในฝันยังไม่ทันตอบว่ากระไร คุณสุวรรณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากความฝันเสียก่อน และก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าของเสียงอีกด้วย
อีกสองสัปดาห์ต่อมา ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ราวๆวันที่ 5 พฤษภาคม
คุณสุวรรณก็ฝันคล้ายกันในลักษณะเดิมอีก ในฝันได้ยินเสียงสุภาพตรีที่ก้องกังวาน
น้ำเสียงนุ่มนวล ไพเราะ แต่ไม่ปรากฎให้เห็นหน้าตาเช่นเดิม กล่าวกับคุณสุวรรณว่า “ฉันอยู่ที่นี่จริงๆนะ...เธอพาฉันออกไปทีสิ”
คุณสุวรรณจึงตอบว่า “เธอบอกมาสิว่าเธออยู่ที่ไหน”
เสียงผู้หญิงในฝันตอบกลับมาว่า “เราเห็นเธอทุกวันเลยนะ”
“เธอเห็นฉันทุกวันแล้วทำไมเธอไม่เรียกฉันล่ะ” คุณสุวรรณถาม
เสียงในฝันตอบว่า “เธอไม่ได้ยินฉันเอง”
คุณสุวรรณจึงย้ำว่า “ถ้าเธอไม่บอกว่าเธออยู่ที่ไหน...ฉันก็ไม่รู้นะ...ทำไมเธอไม่บอกละว่าเธออยู่ที่ไหน”
ยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบอะไร คุณสุวรรณก็รู้สึกว่า
เหมือนใครเอามือมาดึงขา จึงสะดุ้งตื่นและคิดว่า คงมีเพื่อนคนงานด้วยกันมาแกล้ง
แต่มองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีใคร คุณสุวรรณเล่าด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า
ชักรู้สึกกลัวๆขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกัน
ที่ในฝันได้สนทนากับผู้หญิงคนนี้ถึงสองครั้งโดยไม่เห็นหน้าและไม่รู้ว่าเป็นใคร
ขณะที่คุณสุวรรณเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมในช่วงเวลาพักงานตอนกลางวัน
คุณสุวรรณเลี่ยงไปนอนพักผ่อนที่หน้าห้องเรือนพยาบาล อาคารชีวกโกมารภัจจ์
ในความฝันครั้งนี้ คุณสุวรรณได้ยินเสียงผู้หญิงเหมือนกับความฝันสองครั้งที่ผ่านมาอีกครั้ง
เสียงนั้นบอกคล้ายกับขอร้องว่า “จริงๆนะ เธอผ่านฉันทุกวันเลย เธอเปิดดูฉันสิ”
คุณสุวรรณกำลังคิดจะถามตอบกลับไปก็เผอิญสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงรถจักรยานยนต์ที่คุณสำอาง ศรีสรรพางค์ เพื่อนคนงานขี่ผ่านมา
คุณสุวรรณนั่งทบทวนความฝันด้วยของตนเองด้วยความรู้สึกสับสนว่า
ใครกันแน่นะ ที่มาปรากฏในความฝันของเธอถึงสามครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ส่วนอีกใจหนึ่งก็คิดไปว่าตนเองอาจจะดูหนังดูข่าวดูละครมากไปจึงเก็บเอามานอนฝัน
เมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงบ่าย คุณสุวรรณขึ้นไปทำความสะอาดที่บริเวณหน้าห้องฟิสิกส์
ชั้น 5 อาคารริชาร์ดตามปกติ
ขณะที่กวาดพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินกลับ เพื่อไปทำความสะอาดในบริเวณอื่นต่อ
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นไขควงอันหนึ่งตกอยู่ที่ใต้ชั้นวางรองเท้าของนักเรียนที่ตั้งวางไว้อยู่บริเวณหน้าห้องโดยบังเอิญ
คุณสุวรรณก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าคาดกันเปื้อน พลางคิดในใจว่า
ใครเอามาทิ้งไว้นะ ในช่วงเวลานั้น คุณสุวรรณกำลังเดินผ่านห้องเก็บบริเวณหน้ามุขของอาคาร
ก็เกิดแรงดลใจให้ใช้ไขควงไขประตูโดยแทบไม่รู้สึกตัวว่าคิดอะไรอยู่....
ความรู้สึกตัวกลับมาอีกทีก็ตอนที่เปิดประตูห้องไปแล้วเห็นเป็นใบหน้าของสุภาพสตรีตะแคงหน้ามองมายังเธอ......ปัง!......คุณสุวรรณดึงประตูปิดทันที ภาพความฝันเสียงผู้หญิงซ้ำๆที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอผุดขึ้นมาในความคิดทันที
คุณสุวรรณ ห้วยหงษ์ทอง |
ตลอดวันนั้นและอีกสองวันต่อมา คุณสุวรรณเล่าว่า
เธอไม่มีความสุขในการทำงานเลย รู้สึกร้อนรุ่มกลุ้มใจอย่างไรก็บอกไม่ถูก
จะเอ่ยปากบอกใครก็ไม่กล้าเพราะไม่ใช่หน้าที่อะไรที่จะต้องไปเปิดประตูห้องเก็บของดู
และใครเล่าจะเชื่อในสิ่งที่เธอฝัน แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจสอบถาม นายกิตติภรณ์
(แม็ก) โสทน หัวหน้าคนงานของโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ว่า “น้าแม็กๆ วิญญาณ “แม่พระ”นี่มีจริงหรือไม่?”
นายกิตติภรณ์จ้องมองหน้าเธอและตอบว่า “มีจริงสิ ถามทำไมหรอ?”
เท่านั้นแหละ
เรื่องราวและความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจอยู่หลายวันก็พรั่งพรูออกมาจนหมด
ชนิดที่เล่าไปขนลุกไป
นายกิตติภรณ์นำเรื่องดังกล่าวของคุณสุวรรณไปเล่าให้ซิสเตอร์ ดร.อรชร
กิจทวี ผู้อำนวยการโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ฟังด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน จากนั้นจึงพากันไปที่ห้องเก็บของชั้น
5 ดังกล่าว
แล้วให้เปิดประตูพิสูจน์ดู....ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของทุกคนในเวลานั้นก็คือรูปปั้นไฟเบอร์กลาสที่ชาวคาทอลิกคุ้นเคยดีและเรียกว่า
“รูปแม่พระปฏิสนธินิรมล”ถูกเศษวัสดุสิ่งของวางทับไว้เห็นแต่ใบหน้าที่ด้านหนึ่งพิงติดกับผนังห้องจนปรากฏเป็นรอยถลอกที่บริเวณหางคิ้วซ้าย
ตะแคงหน้ามองมายังทุกคน
ซิสเตอร์อรชร กิจทวี จึงให้คนงานช่วยกันนำสิ่งของที่วางทับอยู่ออกและอัญเชิญรูปแม่พระปฏิสนธินิรมล
มาตั้งไว้ที่ในห้องทำงานของท่าน แล้วการไล่เรียงประวัติความเป็นมาของรูปแม่พระองค์นี้ก็เริ่มต้นขึ้น
จากคำบอกเล่าของครู บุคลากรในโรงเรียนหลายท่านพูดตรงกันว่า รูปแม่พระองค์นี้เดิมเคยประดิษฐานไว้ในห้องประชุมครูชั้น
5 ของอาคารริชาร์ด
ใกล้กับห้องเก็บของที่พบรูปนั่นเอง แต่กลับไม่มีใครแน่ใจว่ารูปแม่พระองค์นี้ถูกใครเก็บเข้าไปทิ้งไว้ในห้องเก็บของตั้งแต่เมื่อไร
แต่ก็อาจประมาณเวลาได้คร่าวๆว่า น่าจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของมาเป็นเวลานานกว่า
5 ปีขึ้นไป
เพราะหลังจากที่มีการสร้างห้องประชุม 60 ปี ที่ชั้นล่างของอาคารริชาร์ด เพื่อใช้ประชุมครูแล้ว ก็ไม่มีใครคิดถึงรูปแม่พระองค์นี้อีกเลย
จนกระทั่งแม่พระต้องออกมาเรียกคุณสุวรรณ
ให้ไปช่วยนำท่านออกมาจากห้องที่อับทึบและถูกทับถมด้วยเศษสิ่งของต่างๆ
ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงแล้วอย่างเหลือเชื่อ นายมงคล ทัฬหะกุลธร
นายกสมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ โทรศัพท์มาพูดคุยเรื่องนี้กับผม
ในเช้าของวันที่ 4 มิถุนายน
สิ่งที่คุณมงคลบอกกับผมก็คือว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะเล่ากันสนุกๆหรือเสริมแต่งกันขึ้นมาตามใจตนเอง
แต่เท่าที่คุณมงคลได้ลองตรวจสอบและพูดคุยกับคุณสุวรรณด้วยตนเอง
พร้อมกับสัตบุรุษวัดพระตรีเอกภาพ หนองหิน
อีกหลายท่านที่มาร่วมในงานฉลองวัดและสมโภชพระตรีเอกภาพ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนแล้วก็น่าเชื่อได้ว่า
“แม่พระปฏิสนธินิรมล”ได้เลือกที่จะสื่อสารและเรียกให้คุณสุวรรณช่วยเหลือท่านเป็นพิเศษ
ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณครูสายหยุดและคุณครูวุฒิศักดิ์ ศิริวรศิลป์ ผู้อาวุโสของวัดก็พูดในทำนองเดียวกันนี้
ส่วนในมุมมองของผมสำหรับเรื่อง “อัศจรรย์ของแม่พระ”นั้น
ผมไม่ได้แค่เชื่อเพียงอย่างเดียวแต่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ที่ ม.2 ต.บ้านเลือก
อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ก็ใช้ชื่อว่า “บ้านแม่พระอุปถัมภ์”ด้วย
ส่วนเรื่องราวที่มาของชื่อบ้านและปรากฏการณ์ที่ผมได้สัมผัสด้วยตนเองนั้นจะยังไม่ขอเล่าในตอนนี้
แต่อยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านลองไต่ตรองดูทีว่า ถ้า “แม่”
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตและมีพระคุณต่อลูกประเสริฐยิ่งกว่าใครในโลกนี้
เมื่อยามแก่ชรา หรือเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างทุกข์ทรมานและเดียวดาย ด้วยความละเลยไม่เอาใจใส่ดูแลของลูกหลานและสังคมแล้ว...อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยและสังคมโลกนับต่อจากนี้ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น