ละคอนสะท้อนการเมือง
พูดถึงละครทีวี
คนไทยส่วนใหญ่ชอบดู
พูดถึงละครเวที
หลายท่านคงพอมีประสบการณ์ได้ดูชมมาบ้าง และถ้าพูดถึง “ละคอนวารสารฯ” ที่สรรสร้างและทำการแสดงโดยนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว
ย่อมไม่ธรรมดาทั้งเนื้อหาสาระ
อรรถรสบทบาทและข้อคิดมุมมองสะท้อนการเมือง ที่ชวนชม
ชวนคิดชวนให้ติดตามทั้งก่อน-ระหว่างและหลังการแสดง อย่างสำนวนว่า
“ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว”
“ละคอนวารสารฯ”เป็นละครเวทีที่มีมานานมาก
จัดให้ดูกันเป็นประจำทุกปี ปีละครั้ง ราวๆเดือนกันยายนของทุกปี จนกลายเป็นประเพณี
หรือวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาววารสารฯไปแล้ว (อาจารย์เขายืนยันว่านานมากๆ...นานตั้งแต่ราชบัณฑิตยสถานยังไม่ออกมาฟันธงคำศัพท์
“ละคอน”ว่าให้สะกดว่า“ละคอน”หรือ “ละคร”นั่นแล)
ส่วนใหญ่จะจัดในวันศุกร์
เสาร์และอาทิตย์ รอบหนึ่งทุ่ม และเพิ่มรอบบ่ายสองโมงในวันเสาร์และวันอาทิตย์ รวมแล้วก็ตกประมาณ 10รอบ ที่หอประชุมศรีบูรพา(หอประชุมเล็ก)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ผมเองก็ไปดู “ละคอนวารสารฯ” ทุกปี
ดูแล้วก็ชื่นชมในวิธีคิดวิธีการทำงานของน้องๆนักศึกษา ทำได้ดีทุกปี
ปีนี้จัดเป็นแนวพีเรียด ดราม่า เรื่อง “สุขศาลา” ทำการแสดงไปเมื่อ 14-16 ก.ย.และ
21-23 ก.ย.2555
แต่ปีนี้ดูเหมือน “ละคอนวารสารฯ”
จะลืมบทสะท้อนการเมือง แบบแสบๆคันๆพอให้ได้เก็บมาคิดต่อหรือไม่ก็พอจะเดาออกว่า
เด็กวารสารฯคนหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัย
มีมุมมองต่อการเมืองและสังคมไทยปัจจุบันอย่างไร
ที่ผมต้องทักท้วงในประเด็นนี้
หากมองเพียงผิวเผินก็ไม่น่าจะใช่สาระสำคัญอะไรของละคร แต่สำหรับ“ละคอนวารสารฯ”
ผมคิดว่าบทมุมมองสะท้อนการเมืองนั้น
เป็นทั้งอัตลักษณ์และสัญลักษณ์ที่ชาววารสารศาสตร์และสื่อมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ต้องสื่อสารกับสังคมผ่านทางการแสดง ผู้ชมผู้ดู
ซึ่งรุ่นพี่ๆในอดีตได้สื่อสารสิ่งนี้มาโดยตลอด
และอาจเป็นคำตอบที่หลายคนพยายามจะค้นหาว่า เพราะเหตุใดนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงต้องลุกขึ้นมาทำละครเวที จนกลายเป็นประเพณี
ทั้งที่คณะนี้ไม่ได้เรียนวิชา “ละคอนเวที”เลย
คำตอบที่น่าจะเป็นก็คือ “การเมืองในละคร ละครเพื่อการเมือง”
เพราะหากพินิจพิเคราะห์กันแล้ว
ในอดีตเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองการปกครอง แต่ละย่างก้าวประชาธิปไตยของไทยล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจาก
“มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง”แห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็น
14 ตุลา16 หรือ 6ตุลา 19 จนกระทั่jง “ปรากฎการณ์สนธิ”ที่เริ่มก่อรูปจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
นัดพิเศษที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จนกลายเป็น
“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”และส่งผลสั่นสะเทือนอย่างยิ่งต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ผมเห็นก็คือ
ความชาญฉลาดของคณาจารย์ และนักศึกษาวารสารฯในอดีตที่เลือกใช้ละคอนเวทีเป็นสื่อเจาะเกราะและทิ่มแทงเผด็จการทางการเมือง
ผ่านบทบาทการแสดง บทพูดและเสียงเพลงของตัวละครที่สร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างมีมนต์ขลัง
และไม่สามารถจะเอาผิดทางกฎหมายได้อย่างง่ายดายเสียด้วย
ส่วนมุมมองทางสังคมจากละคอนเวทีเรื่อง
“สุขศาลา”ที่จัดขึ้นในปีนี้ ผมเห็นว่าทำได้ดีทีเดียว
สิ่งที่ผมเห็นและคิดก็คือ
สังคมไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยเงื่อนปมของปัญหาที่ซับซ้อน แฝงไว้ด้วยลับลมคมใน
ยากที่จะไว้ใจทางและวางใจคน
ในระดับการเมืองมีทั้งข่าวลวง ข่าวปล่อย
ความจริงครึ่งเดียว โกหกสีขาว บงการหลังม่าน ทำดีเอาหน้า ฯลฯสารพัดรูปแบบ
ในระดับชาวบ้านร้านถิ่นก็โกหกตอแหล
หลอกลวง ช่วงชิงแข่งขันกันเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวกันแบบหน้าซื่อตาใส หรือ หน้าด้าน
นั่นแหละครับ
ต่างคนต่างพยายามเอ่ยอ้างเหตุและผลที่สร้างคุณค่าและผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง
มากกว่าจะคำนึงถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ ที่เป็นผลประโยชน์และความดีของส่วนรวมอย่างแท้จริง
ใช้หลักเหตุผล(เข้าข้างตนเอง)มากกว่าหลักคุณธรรม
จริยธรรม จนสังคมและจิตใจขาดสมดุล
เหมือนกับเรื่อง
“สุขศาลา”ที่หมอใช้คนไข้ที่ตนเองมองว่าเป็นคนไร้ค่า แก่ชรา อ่อนแอ เป็นอันธพาล
เป็นคนที่สมควรตายและเพื่อให้ตายอย่างมีคุณค่า(ตามความคิดของตนเอง) จึงใช้คนไข้เหล่านี้เป็น
หนูทดลองวัคซีนโรคไข้ป่า(มาลาเรีย)
โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและจรรยาบรรณของแพทย์
โดยที่คนไข้ไม่ได้สมัครใจและไม่เคยได้รับรู้อะไรเลย
ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น
ก็คือการที่หัวหน้าพยาบาลคนหนึ่งที่เป็นผู้เลือกตัวทดลองวัคซีน เอาเรื่องชิงรักหักสวาทส่วนตัว
มาใช้เป็นเครื่องมือประหัตถ์ประหารคนไข้ที่เป็นภรรยาของผู้อำนวยการสุขศาลา
นายแพทย์ผู้เป็นชู้รัก
ผลสุดท้ายเมื่อการทดลองล้มเหลว
คนก็ต้องล้มตาย
ความเสียหายก็เกิดขึ้นกับชีวิตกับส่วนรวมกับสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกอย่างจบลงด้วยความโศกเศร้า
รันทดใจ มีแต่เสียกับเสีย
มาถึงตรงนี้แล้ว
หากมองความเป็นไปในสังคมและการเมืองไทยปัจจุบัน ผมอยากเห็นรัฐบาลและนักการเมืองคิดใหม่ทำใหม่ในอีกมุมหนึ่งจริงๆ
จังๆ
ทำเพื่อประโยชน์โดยรวมของชาติและประชาชนจริงๆ
ไม่โกง ไม่โกหกหลอกลวง เลิกเล่นชักเย่อทำร้ายทำลายชาติบ้านเมืองกันเสียที ได้ไหม?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น