สิทธิผู้เสียหาย
กรณีศึกษานางดวงจิตต์ “ครูผู้ถูกเผาทั้งเป็น”
ผมและคณะได้มีโอกาสไปเยือนสำนักงานอัยการสูงสุดและแลกเปลี่ยนทัศนะกับ
คุณอัจฉราวรรณ บุนนาค ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริ
พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภาแล้วรู้สึก ประทับใจ
คุณอัจฉราวรรณ บุนนาค ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริ
พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภาแล้วรู้สึก ประทับใจ
และเข้าใจว่ายังมีเรื่องที่ประชาชนอย่างเราๆควรจะได้รับรู้เรื่องกฎหมายและสิทธิ
ประโยชน์ของตนเองอีกมาก
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง เด็กและผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดทางอาญาของผู้อื่น
ดูเป็นประเด็นที่ท่านผู้อำนวยการ อัจฉราวรรณ เน้นให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
ประการแรกคือ
พระเมตตาและความห่วงใยที่พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา ทรงมีต่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม ทั้งห่วงใยปัญหาผู้หญิงถูกรังแก
ถูกใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะทางกาย วาจา ใจ
อย่างกรณีของนางดวงจิตต์
บุญพระ ครูโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครปฐม ที่ถูกสามีทำร้าย โดยใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาต้องทนทุกข์แสนสาหัสอยู่ทุกวันนี้
ก็ทรงมีพระเมตตาให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญแจกันดอกไม้ ประทานให้เป็นขวัญกำลังใจ
ยังความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นแก่ครูดวงจิตต์ ผู้ป่วย
ลูกๆของเธอและญาติพี่น้องทุกคน
ประการต่อมา คือ เรื่องสิทฺธิประโยชน์และสวัสดิการที่ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดอาญาของผู้อื่นโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการขอรับเงินค่าตอบแทน
และค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย
สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
กระทรวงยุติธรรม
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริฯโดยตรง
แต่ก็เป็นกฎหมายและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและผู้เสียหายทุกคน
ควรจะได้รับรู้รับทราบ และได้รับสิทธิ์ของตนเองตามกฎหมาย
ข้อนี้ถือเป็นการช่วยเหลือ
ประชาชนผู้เสียหาย โดยเฉพาะผู้หญิง
และผู้ด้อยโอกาสที่เป็นขอบข่ายหน้าที่ภารกิจของสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริฯ
ที่ท่านผู้อำนวยการ คุณอัจฉราวรรณ
บุนนาค เอาใจใส่ดูแลแนะนำ
และประสานงานให้กับคณะญาติของครูดวงจิตต์อย่างครบถ้วน
รวมถึงข้อกฎหมายอื่นๆเกี่ยวกับทางคดีและการช่วยเหลือนางดวงจิตต์
บุญพระ ที่ญาติและเพื่อนครูรวมถึงผู้บริหารโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีจากนายชนภัทร
วินยาวัฒน์ และนายพายัพ สุพรรณโท จากสำนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม ที่ประสานเข้ามาช่วยดูแลอีกแรง
กรณีผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดอาญาของผู้อื่นโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ
ได้ในกรณีดังนี้
lได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย
จิตใจ หรือถึงแก่ความตายเนื่องจากถูกทำร้าย ถูกฆ่าตาย ถูกลูกหลง ถูกทำให้แท้งลูก
ถูกข่มขืน ถูกกระทำอนาจาร
l ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือตาย
จากการกระทำโดยประมาทของผู้อื่น
l เด็ก คนชรา คนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และถูกทอดทิ้ง
สิทธิการได้รับเงินช่วยเหลือของผู้เสียหาย
แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
กรณีทั่วไป
l
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจ่ายจริง ไม่เกิน
30,000 บาท
l ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง
ไม่เกิน 20,000 บาท
l ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้
ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ อัตราวันละไม่เกิน 200 บาท ระยะเวลาไม่เกิน
1 ปี
l ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น
ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ไม่เกิน 30,000
บาท
กรณีเสียชีวิต
lค่าตอบแทน
กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ตั้งแต่ 30,000บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
l ค่าจัดการศพ จำนวน
20,000 บาท
lค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู
ไม่เกิน 30,000 บาท
lค่าเสียหายอื่น
ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000บาท
สำหรับขั้นตอนการยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือให้ปฏิบัติดังนี้
1.แจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ณ
ท้องที่ที่เกิดเหตุ
2.พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา
กรณีตายให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกใบมรณะบัตร
3.รวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
4.ยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนภายใน 1 ปี
นับแต่วันที่ได้รู้ถึงการกระทำผิด
เรื่องข้อกฎหมายอย่างนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบและเข้าใจถึงสิทธิของตนเองมากนัก
ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามกฎหมาย
แต่สำหรับกรณีนางดวงจิตต์
บุญพระ และลูกๆของเธอ นับว่าเป็นบุญที่ได้รับพระเมตตา และความเมตตาช่วยเหลือจากทุกฝ่ายในสังคม
โดยเฉพาะสื่อมวลชนและผู้มีจิตอันเป็นกุศลที่ได้ให้การช่วยเหลือเธอในรูปแบบต่างๆ
สุดท้ายท่านผู้อำนวยการ
อัจฉราวรรณ บุนนาค ฝากมาถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็คือ
การอบรมดูแลลูกหลานให้มีภูมิคุ้มกัน มีทักษะชีวิต ทักษะทางสังคม และทักษะอาชีพที่เด็ก
และเยาวชนสามารถเรียนรู้ได้จากครอบครัว นอกจากการเรียนรู้จากโรงเรียนและสังคม
ท่านบอกว่าอยากให้มีการจุดประกายให้เด็ก
เยาวชนมีความหวังและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต เพื่อเป็นพลังให้เขามีความใฝ่ฝัน
รู้จักบริหารเวลา รู้จักวางแผนและเพียรพยายามทำให้สำเร็จ
สังคมไทยจะได้มีคนดี
มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น
เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในอนาคต
ที่สำคัญต้อง
“เป็นผู้มีสติ ยั้งคิด ยั้งทำ
และยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงหรือการกระทำความรุนแรงอื่นๆในทุกรูปแบบ”ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น