จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่ เท่ากับการเสียสละเพื่อมิตรสหาย


สิทธิผู้เสียหาย กรณีศึกษานางดวงจิตต์ “ครูผู้ถูกเผาทั้งเป็น”

                ผมและคณะได้มีโอกาสไปเยือนสำนักงานอัยการสูงสุดและแลกเปลี่ยนทัศนะกับ
คุณอัจฉราวรรณ  บุนนาค ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริ
พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภาแล้วรู้สึก ประทับใจ

             และเข้าใจว่ายังมีเรื่องที่ประชาชนอย่างเราๆควรจะได้รับรู้เรื่องกฎหมายและสิทธิ
ประโยชน์ของตนเองอีกมาก

            โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง เด็กและผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดทางอาญาของผู้อื่น ดูเป็นประเด็นที่ท่านผู้อำนวยการ อัจฉราวรรณ เน้นให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

            ประการแรกคือ พระเมตตาและความห่วงใยที่พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา ทรงมีต่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม ทั้งห่วงใยปัญหาผู้หญิงถูกรังแก ถูกใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะทางกาย วาจา ใจ 

            อย่างกรณีของนางดวงจิตต์ บุญพระ ครูโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครปฐม ที่ถูกสามีทำร้าย  โดยใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาต้องทนทุกข์แสนสาหัสอยู่ทุกวันนี้

            ก็ทรงมีพระเมตตาให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญแจกันดอกไม้ ประทานให้เป็นขวัญกำลังใจ
ยังความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นแก่ครูดวงจิตต์ ผู้ป่วย ลูกๆของเธอและญาติพี่น้องทุกคน

            ประการต่อมา คือ เรื่องสิทฺธิประโยชน์และสวัสดิการที่ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดอาญาของผู้อื่นโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 

            ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการขอรับเงินค่าตอบแทน และค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย  สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม

            แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริฯโดยตรง แต่ก็เป็นกฎหมายและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและผู้เสียหายทุกคน

            ควรจะได้รับรู้รับทราบ และได้รับสิทธิ์ของตนเองตามกฎหมาย

            ข้อนี้ถือเป็นการช่วยเหลือ ประชาชนผู้เสียหาย โดยเฉพาะผู้หญิง และผู้ด้อยโอกาสที่เป็นขอบข่ายหน้าที่ภารกิจของสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริฯ ที่ท่านผู้อำนวยการ คุณอัจฉราวรรณ  บุนนาค  เอาใจใส่ดูแลแนะนำ และประสานงานให้กับคณะญาติของครูดวงจิตต์อย่างครบถ้วน

            รวมถึงข้อกฎหมายอื่นๆเกี่ยวกับทางคดีและการช่วยเหลือนางดวงจิตต์ บุญพระ ที่ญาติและเพื่อนครูรวมถึงผู้บริหารโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีจากนายชนภัทร วินยาวัฒน์ และนายพายัพ สุพรรณโท จากสำนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม ที่ประสานเข้ามาช่วยดูแลอีกแรง

            กรณีผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดอาญาของผู้อื่นโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ ได้ในกรณีดังนี้

            lได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย จิตใจ หรือถึงแก่ความตายเนื่องจากถูกทำร้าย ถูกฆ่าตาย ถูกลูกหลง ถูกทำให้แท้งลูก ถูกข่มขืน ถูกกระทำอนาจาร
            l ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือตาย จากการกระทำโดยประมาทของผู้อื่น
            l เด็ก คนชรา คนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และถูกทอดทิ้ง

            สิทธิการได้รับเงินช่วยเหลือของผู้เสียหาย แบ่งเป็น 2 กรณี คือ

            กรณีทั่วไป
l ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจ่ายจริง ไม่เกิน  30,000  บาท
l ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 20,000 บาท
l ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ อัตราวันละไม่เกิน 200 บาท ระยะเวลาไม่เกิน  1 ปี
l ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ไม่เกิน  30,000 บาท
            กรณีเสียชีวิต
lค่าตอบแทน กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ตั้งแต่ 30,000บาท แต่ไม่เกิน 100,000  บาท
l ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
lค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ไม่เกิน 30,000  บาท
lค่าเสียหายอื่น ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000บาท

            สำหรับขั้นตอนการยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือให้ปฏิบัติดังนี้
1.แจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ท้องที่ที่เกิดเหตุ
2.พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา กรณีตายให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกใบมรณะบัตร
3.รวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
4.ยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รู้ถึงการกระทำผิด

            เรื่องข้อกฎหมายอย่างนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบและเข้าใจถึงสิทธิของตนเองมากนัก ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามกฎหมาย

            แต่สำหรับกรณีนางดวงจิตต์ บุญพระ และลูกๆของเธอ นับว่าเป็นบุญที่ได้รับพระเมตตา และความเมตตาช่วยเหลือจากทุกฝ่ายในสังคม โดยเฉพาะสื่อมวลชนและผู้มีจิตอันเป็นกุศลที่ได้ให้การช่วยเหลือเธอในรูปแบบต่างๆ

            สุดท้ายท่านผู้อำนวยการ อัจฉราวรรณ  บุนนาค  ฝากมาถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็คือ การอบรมดูแลลูกหลานให้มีภูมิคุ้มกัน มีทักษะชีวิต ทักษะทางสังคม และทักษะอาชีพที่เด็ก และเยาวชนสามารถเรียนรู้ได้จากครอบครัว นอกจากการเรียนรู้จากโรงเรียนและสังคม

            ท่านบอกว่าอยากให้มีการจุดประกายให้เด็ก เยาวชนมีความหวังและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต เพื่อเป็นพลังให้เขามีความใฝ่ฝัน รู้จักบริหารเวลา รู้จักวางแผนและเพียรพยายามทำให้สำเร็จ

            สังคมไทยจะได้มีคนดี มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในอนาคต

            ที่สำคัญต้อง “เป็นผู้มีสติ ยั้งคิด ยั้งทำ และยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงหรือการกระทำความรุนแรงอื่นๆในทุกรูปแบบ”ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น