จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาประชาชน ปัญหารัฐบาล

ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ของแพงก่อน

       ปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้น และค่าครองชีพที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ทั้งในทางสถิติและชีวิตจริงกำลังทวีความทุกข์ร้อน และอดอยากยากแค้นให้เกิดแก่พี่น้องคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศในเวลานี้ เป็นประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยคาดหวังว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะสามารถจัดการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา www.kapook.com

          เป็นความจริงที่อาหารปรุงสำเร็จ อาหารจานด่วน-จานเดียว ประเภทก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง อาหารตามสั่งได้พากันพาเหรดขึ้นราคาจากชามหรือจานละ 20 บาท เป็น 25 บาท  จากที่เคยขาย 30 บาท ก็ขยับเป็น 35 บาท เขยิบแพงขึ้นไปทุกที โดยอ้างว่ามีต้นทุนสูงขึ้นจากราคาสินค้าแพง และราคาเชื้อเพลิงที่ไต่ระดับสูงขึ้น

          แม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะใช้มาตรการต่างๆทั้งการตรึงราคา กดดัน และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนอาทิเช่น การจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด การตรึงราคาค่ารถโดยสาร-รถไฟฟ้า ฯลฯ แต่ก็ยังออกอาการ “เอาไม่อยู่” ให้เห็น 

       และคาดว่ารัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมราคาสินค้า และราคาอาหารได้อย่างที่คนจนคนรายได้น้อยต้องการอีกต่อไป

       เพราะก่อนหน้านี้ได้มีรายงานข่าวว่า มีสัญญาณจากผู้ผลิตมายังผู้ขายแล้วว่า อีกไม่นานต้องปรับเพิ่มราคาขายส่ง โดยอ้างเป็นการปรับฐานราคาขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเงินเดือนและค่าแรงงานที่กำลังจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน     รวมทั้งการลอยตัวราคาพลังงานตามนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และการปรับเพิ่มขึ้นของราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที ที่ กฟผ.ระบุว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 25.51สตางค์ต่อหน่วย งวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมนี้

          นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากนโยบายยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เกษตรกร โดยการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร และเพิ่มค่าจ้างแรงงาน การรับจำนำข้าวเปลือกในราคาสูงกว่าตลาด ที่มีผลทำให้ราคาข้าวถุงเพิ่มขึ้นอีก 5-10 เปอร์เซ็นต์ และนโยบายอื่นๆของรัฐบาลที่ส่งผลต่อการขึ้นราคาสิ้นค้าทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม

          ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง(มติชน 6 มี.ค.55) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง    ก็ออกมายอมรับแล้วว่า     “ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น” โดยให้เหตุผลว่า “เพราะไทยอยู่ในโลกเศรษฐกิจแบบเปิด ดังนั้นจะบังคับให้ราคาสินค้าต่ำลงไม่ได้ เพราะสะท้อนตามกลไกของต้นทุน และในวันที่ 1 เมษายนนี้ ค่าแรงขั้นต่ำจะปรับเพิ่มเป็น 300 บาทต่อวัน ซึ่งค่าแรงดังกล่าวจะมารองรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น”  
ที่มา www.kapook.com

       จากข้อมูลและแนวโน้มที่ปรากฏชัดนี้ แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนของทิศทางราคาสินค้า อาหารและค่าครองชีพที่จะพุ่งสูงขึ้นอีกระลอก โดยอ้างอิงต้นทุน ราคาวัตถุดิบทางการผลิต การขนส่งและกลไกตลาด ซึ่งต่อไปราคาก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกงข้างถนน อาหารประจำวันของคนหาเช้ากินค่ำ และคนรายได้น้อย  อาจถีบตัวสูงขึ้นเป็นสองจานร้อย ผงซักฟอก ยาสีฟัน ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และค่ารถโดยสารจะต้องแพงขึ้นอีกเท่าตัว หรือมากกว่านั้น

          ปัญหาก็คือว่า พี่น้องคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีอยู่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์จะอยู่กันอย่างไร จะกินอะไรเมื่อรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย

          เพราะนอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว ราคาค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่ารถโดยสารในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาลฯลฯ สารพัดอย่างก็คงเพิ่มสูงขึ้นเป็นภูเขาแห่งความทุกข์ระทม ความเดือดร้อนทับถมประชาชนให้มีความแร้นแค้นมากยิ่งขึ้นไปอีก

          ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ คณะรัฐมนตรี และส.ส.พรรครัฐบาลทำได้แค่การออกมายอมรับว่า สินค้าต้องขึ้นราคา เพราะไทยอยู่ในโลกเศรษฐกิจแบบเปิด ดังนั้นจะบังคับให้ราคาสินค้าต่ำลงไม่ได้ เพราะสะท้อนตามกลไกของต้นทุน
       
          ผมว่าคณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน สมควรต้องลาออกสถานเดียวครับ อย่าอยู่ให้เปลืองภาษีประชาชนอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น