ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ของแพงก่อน
ปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้น และค่าครองชีพที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ทั้งในทางสถิติและชีวิตจริงกำลังทวีความทุกข์ร้อน และอดอยากยากแค้นให้เกิดแก่พี่น้องคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศในเวลานี้ เป็นประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยคาดหวังว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะสามารถจัดการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา www.kapook.com |
เป็นความจริงที่อาหารปรุงสำเร็จ อาหารจานด่วน-จานเดียว ประเภทก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง อาหารตามสั่งได้พากันพาเหรดขึ้นราคาจากชามหรือจานละ 20 บาท เป็น 25 บาท จากที่เคยขาย 30 บาท ก็ขยับเป็น 35 บาท เขยิบแพงขึ้นไปทุกที โดยอ้างว่ามีต้นทุนสูงขึ้นจากราคาสินค้าแพง และราคาเชื้อเพลิงที่ไต่ระดับสูงขึ้น
แม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะใช้มาตรการต่างๆทั้งการตรึงราคา กดดัน และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนอาทิเช่น การจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด การตรึงราคาค่ารถโดยสาร-รถไฟฟ้า ฯลฯ แต่ก็ยังออกอาการ “เอาไม่อยู่” ให้เห็น
และคาดว่ารัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมราคาสินค้า และราคาอาหารได้อย่างที่คนจนคนรายได้น้อยต้องการอีกต่อไป
เพราะก่อนหน้านี้ได้มีรายงานข่าวว่า มีสัญญาณจากผู้ผลิตมายังผู้ขายแล้วว่า อีกไม่นานต้องปรับเพิ่มราคาขายส่ง โดยอ้างเป็นการปรับฐานราคาขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเงินเดือนและค่าแรงงานที่กำลังจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน รวมทั้งการลอยตัวราคาพลังงานตามนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และการปรับเพิ่มขึ้นของราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที ที่ กฟผ.ระบุว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 25.51สตางค์ต่อหน่วย งวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมนี้
นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากนโยบายยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เกษตรกร โดยการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร และเพิ่มค่าจ้างแรงงาน การรับจำนำข้าวเปลือกในราคาสูงกว่าตลาด ที่มีผลทำให้ราคาข้าวถุงเพิ่มขึ้นอีก 5-10 เปอร์เซ็นต์ และนโยบายอื่นๆของรัฐบาลที่ส่งผลต่อการขึ้นราคาสิ้นค้าทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง(มติชน 6 มี.ค.55) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมายอมรับแล้วว่า “ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น” โดยให้เหตุผลว่า “เพราะไทยอยู่ในโลกเศรษฐกิจแบบเปิด ดังนั้นจะบังคับให้ราคาสินค้าต่ำลงไม่ได้ เพราะสะท้อนตามกลไกของต้นทุน และในวันที่ 1 เมษายนนี้ ค่าแรงขั้นต่ำจะปรับเพิ่มเป็น 300 บาทต่อวัน ซึ่งค่าแรงดังกล่าวจะมารองรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น”
ที่มา www.kapook.com |
จากข้อมูลและแนวโน้มที่ปรากฏชัดนี้ แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนของทิศทางราคาสินค้า อาหารและค่าครองชีพที่จะพุ่งสูงขึ้นอีกระลอก โดยอ้างอิงต้นทุน ราคาวัตถุดิบทางการผลิต การขนส่งและกลไกตลาด ซึ่งต่อไปราคาก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกงข้างถนน อาหารประจำวันของคนหาเช้ากินค่ำ และคนรายได้น้อย อาจถีบตัวสูงขึ้นเป็นสองจานร้อย ผงซักฟอก ยาสีฟัน ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และค่ารถโดยสารจะต้องแพงขึ้นอีกเท่าตัว หรือมากกว่านั้น
ปัญหาก็คือว่า พี่น้องคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีอยู่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์จะอยู่กันอย่างไร จะกินอะไรเมื่อรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
เพราะนอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว ราคาค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่ารถโดยสารในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาลฯลฯ สารพัดอย่างก็คงเพิ่มสูงขึ้นเป็นภูเขาแห่งความทุกข์ระทม ความเดือดร้อนทับถมประชาชนให้มีความแร้นแค้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ คณะรัฐมนตรี และส.ส.พรรครัฐบาลทำได้แค่การออกมายอมรับว่า สินค้าต้องขึ้นราคา เพราะไทยอยู่ในโลกเศรษฐกิจแบบเปิด ดังนั้นจะบังคับให้ราคาสินค้าต่ำลงไม่ได้ เพราะสะท้อนตามกลไกของต้นทุน
ผมว่าคณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน สมควรต้องลาออกสถานเดียวครับ อย่าอยู่ให้เปลืองภาษีประชาชนอีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น